ผู้วิจัยได้ลงพื้นที่ศึกษาหมู่บ้านกุงแกง และสัมภาษณ์ชาวบ้านในชุมชน พบว่า ปอยส่างลอง เป็นภาษาไทใหญ่มาจากคำว่า ปอย แปลว่างาน คำว่า ส่าง หมายถึง สามเณรในภาษาไทย กับคำว่าลอง นั้นมาจากคำว่า อะลอง หมายถึง กษัตริย์ เมื่อรวมกันก็หมายถึง งานเตรียมบรรพชาเป็นสามเณร ที่แต่งตัวเลียนแบบเป็นกษัตริย์ การเป็นส่างลองนั้นเป็นการเลียนแบบประวัติของพระพุทธเจ้าตอนที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะครองกรุงกบิลพัสดุ์ก่อนจะออกผนวชการกระทำทุกอย่างในช่วงเวลาการเป็นส่างลองจะปฏิบัติเสมือนการปฏิบัติต่อพระมหากษัตริย์บวช (สิงห์ทอง เรือนแก้ว, สัมภาษณ์, 19 เมษายน 2556)
ความเป็นมาของประเพณีปอยส่างลองบ้านกุงแกง
ภาพที่ 3 หนังสือปอยส่างลอง
|
ชาวไทใหญ่ในหมู่บ้านกุงแกง ได้เล่าสืบทอดกันถึงที่มาของประเพณีปอยส่างลองไว้ 2ตำนานด้วยกันดังนี้
1. การบรรพชาเป็นสามเณรนั้นก็เพื่อศึกษาธรรมและเพื่อเป็นการทดแทนคุณบิดา มารดา โดยอิงมาจากพุทธประวัติ ตอนที่พระนางยโสธราแต่งองค์ให้พระราหุลเพื่อทูลขอสมบัติจากพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าพระราชทานอริยทรัพย์ คือ ให้พระราหุล บรรพชาสู่กาสาวพัสตร์ และนับเป็นสามเณรองค์แรกของพระพุทธศาสนา (ฉายแสง ยอดคำ, สัมภาษณ์, 26 เมษายน 2556)
2. อิงพุทธประวัติตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะผู้เจริญด้วยโภคทรัพย์แต่ทรงสละทรัพย์สมบัติเพื่อแสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้น (สมพร กันทาคำ, สัมภาษณ์, 19 เมษายน 2556)
จากทั้งสองตำนานนี้เองที่เป็น ขนบธรรมเนียมประเพณีให้คนไทใหญ่ยึดถือให้เครื่องทรงของส่างลองมี ความวิจิตรงดงาม
จากการตั้งข้อสังเกตพบว่า ชาวบ้านกุงแกงมีความเชื่อในเรื่อง ความเป็นมาของประเพณีปอยส่างลอง นั้นอิงมาจากพุทธประวัติ ตอนที่พระนางยโสธราแต่งองค์ให้พระราหุลเพื่อทูลขอสมบัติจากพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าพระราชทานอริยทรัพย์ คือ ให้พระราหุล บรรพชาสู่กาสาวพัสตร์ เป็นการจำลองสถานการณ์ ที่พระราหุล แต่งองค์เต็มยศ เพื่อไปหาพระราชบิดา มากกว่า เหตุการณ์ที่เจ้าชายสิตธัตถะสละราชสมบัติ